3 ข้อที่คนส่วนใหญ่มักมองข้ามสำหรับการ Manifest โดยเฉพาะข้อสุดท้าย

ในสมัยนี้ใครๆ ก็ล้วนคุ้นเคยกับการทำ Vision Board หรือการทำ Manifest (เมนิเฟสต์) หรือการยกระดับคลื่นความถี่ภายในตัวเองใช่มั้ยคะ แต่ๆๆ เราจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันถูกต้องและช่วยยกระดับ Vibration (คลื่นความถี่) ในตัวเราแล้วจริงๆ วันนี้เรามีสิ่งสำคัญ 3 ข้อที่อยากมาบอกเล่าและแนะนำให้เพื่อนๆ ได้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้เพื่อเป็นการเริ่มต้นอีกปีที่ดีค่ะ

สำหรับคนที่อ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจจากที่เราได้เกริ่นไป ก่อนอื่นเราขออธิบายคำว่า Manifest ก่อนนะคะ สำหรับคนที่มีความเข้าใจกับคำนี้อยู่แล้ว สามารถเลื่อนดูหัวข้อเนื้อหาของเราด้านซ้ายมือและด้านอยู่ด้านล่างของปก Post ได้เลยนะคะ

ลองนึกภาพว่าเราต้องการงานใหม่ที่เหมาะกับเรา การ Manifest จะเริ่มจากการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน เช่น “ฉันต้องการงานที่สนุก มีรายได้ดี และให้เวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น” จากนั้นเราจะสร้างภาพในใจ เห็นตัวเองทำงานนั้นอย่างมีความสุข และรู้สึกขอบคุณเหมือนกับว่าสิ่งที่เราสร้างภาพไว้ในใจนั้นเกิดขึ้นแล้ว เราต้องบอกก่อนว่า การ Manifest ไม่ได้แปลว่าเรานั่งเฉยๆ แล้วสิ่งนั้นจะมาเองนะคะ แต่เราต้องลงมือทำ เช่น สมัครงาน เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ พร้อมส่งพลังงานความเชื่อมั่นในตัวเองออกไป

สมมติว่าเพื่อน ๆ อยากได้รถยนต์คันใหม่

• ตั้งเป้าหมาย: เพื่อนอาจเขียนว่า “ฉันต้องการรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันและเหมาะกับการเดินทางระยะไกล”
• สร้างภาพในใจ: ลองจินตนาการถึงตัวเองขับรถยนต์คันนั้น รู้สึกถึงความสะดวกสบาย และมีความสุข
• ลงมือทำ: ศึกษาข้อมูลรถยนต์ เก็บเงิน และเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้
• เปิดรับโอกาส: อาจมีโปรโมชันที่ทำให้เพื่อนซื้อรถในราคาที่เหมาะสม หรือได้รับคำแนะนำจากคนรู้จัก

เรียนรู้ 3 ข้อสำคัญที่คนส่วนใหญ่มักมองข้ามสำหรับการ Manifest พร้อมแนะนำหนังสือ Manifest 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา คู่มือการใช้จิตดลบันดาลเพื่อเริ่มต้นปีใหม่ 2025 อย่างมั่นใจค่ะ!

ว่าด้วยข้อแรก บทที่ 2 การเอาชนะความกลัวและความกังขา เราทุกคนล้วน Manifest (เมนิเฟสต์) ใช่ ถูกต้องแต่อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะให้ทุกคนลองกลับไปทำความเข้าใจเพื่อที่เราจะได้ใช้ ‘จิตดลบันดาล’ หรือการเมนิเฟสต์ได้อย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น นั่นคือการกลับไปทบทวน ‘ความกลัวที่ลึกที่สุด’ ของตัวเองค่ะ เพราะบางทีเราอาจไม่ได้รู้ตัวเลยว่า ‘ความกลัว’
บางอย่างอาจพรากความกล้าในการที่จะทำบางอย่างไปจากตัวเรา และขัดขวางการยอมให้ตัวตนใหม่ของเราได้เติบโตมากยิ่งขึ้น เป็นอีกบทนึงที่น่าสนใจมากๆ ค่ะ

ข้อที่ 2 การทำ vision board ต้องคำนึงถึงสิ่งที่คุณต้องการอย่างแท้จริงที่สุด ซึ่งนั้นหมายความว่า เราจะต้องนึกถึงสิ่งที่เราต้องการที่สุด จริงๆ เราอาจจะแวบไปมอง Vision board ของเพื่อน ๆ หรือคนอื่น ๆ ตามโซเชียลมิเดียและคิดว่า
เอ…หรือจริงๆ ฉันอยากมีชีวิตแบบที่เขาต้องการบ้าง?
คำตอบคืออยากให้เพื่อนๆ ลองตั้งสมาธิและนึกถึงสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ค่ะ ต้องไม่ใช่สิ่งที่คนรอบข้างมองเราและต้องการให้เรามี แต่ต้องเป็นสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ค่ะ

เป็นส่วนที่ง่ายมาก เข้าใจง่ายและเราชอบที่สุดค่ะ แต่ก็เป็นข้อที่หลายคนมองข้ามไปมากที่สุดเช่นกัน รวมถึงเราก่อนที่จะได้อ่านหนังสือเล่มนี้ด้วย ข้อ 3 นั่นคือ หากกลัวที่จะเริ่มทำอะไรให้นับ 5 วิและเริ่มทำเลย เป็นทริคการขจัดความกลัวอีกชนิดหนึ่งที่ผู้เขียนได้แนะนำมาค่ะ ซึ่งจะช่วยให้เราตัดสินใจในการทำบางสิ่งได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องมัวคิดลังเล

หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เพียงแค่บอกวิธีการ Manifest แต่ยังมีแบบฝึกหัดในทุกบทเพื่อช่วยให้เรารู้จักตัวเอง เข้าใจความต้องการที่แท้จริง และสามารถนำพลังจิตดลบันดาลมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพค่ะ

• อ่านง่าย เข้าใจได้แม้เป็นมือใหม่
• แบบฝึกหัดที่ช่วยพัฒนาตัวเอง
• เหมาะสำหรับการเริ่มต้นปีใหม่อย่างสร้างสรรค์

Manifest ไม่ใช่แค่การฝันถึงเป้าหมาย แต่คือการลงมือทำด้วยพลังที่เราสร้างขึ้นเองค่ะ หนังสือ Manifest 7 ขั้นตอนสู่ทุกสิ่งที่ปรารถนา จะเป็นตัวช่วยที่ดีให้เราได้เริ่มต้นปี 2025 อย่างมั่นใจ ลองเริ่มต้นวันนี้ แล้วจะพบว่าการดลบันดาลเป้าหมายไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่จะกล้าออกมาจาก Comfort zone ของตัวเองนะคะ